สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย เปิดพื้นที่ให้คนมีไอเดีย ร่วมยกระดับประเทศไทย ไปกับโครงการ “GovTech Mission”
สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย
เปิดพื้นที่ให้คนมีไอเดีย ร่วมยกระดับประเทศไทยไปกับโครงการ “GovTech Mission”
เวทีแข่งขัน Startup พร้อมผลักดันให้เป็นนโยบายระดับประเทศ
ประเทศไทยจำเป็นต้องถูกยกระดับให้ดีขึ้นในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา
และสาธารณสุข
รวมถึงการบริหารจัดการภาครัฐ บริบทนี้
ถึงเวลาที่จะต้องเปิดพื้นที่ในการระดมความคิดเห็น เจาะลึก หาไอเดีย
และหาทางออกใหม่ ๆ ด้วยการเฟ้นหากลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือผู้ประกอบการ Startup ที่มีความมุ่งมั่น
มาร่วมลงมือสร้างสรรค์แนวคิดและแผนงานที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษาและด้านสาธารณสุข
ผ่านการแข่งขันกันทั้งหมด 30 ทีม ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท
เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนงานหรือโครงการในรูปแบบใหม่ ๆ
ที่จะสามารถนำไปต่อยอดในเชิงนโยบายสู่การพัฒนาและยกระดับอนาคตของประเทศไทยต่อไป
ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (Future Innovative
Thailand Institute: FIT) กล่าวว่า
สถาบันฯ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์
เพราะคนถือเป็นหัวใจสำคัญมากที่สุดในการพัฒนาประเทศไทยให้ไปสู่เศรษฐกิจไทยแลนด์
4.0 จึงเป็นที่มาของการจัดทำโครงการ “GovTech Mission: One Nation, One
Mission – ยกระดับประเทศไทย”
ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ Startup ไทย
ที่มีความมุ่งมั่นและมีความคิดสร้างสรรค์จากทั่วประเทศ
มานำเสนอออกแบบแนวคิดและแผนงานที่ผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา
(EdTech) และด้านสาธารณสุข
(HealthTech) เพื่อการพัฒนาประเทศ
ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพและโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุขไทย
และช่วยยกระดับอนาคตประเทศไทย พร้อมชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท
โดยในระหว่างดำเนินโครงการจะมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง
ๆ อาทิ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง นักธุรกิจ และกลุ่มทุน
(Venture Capital) ร่วมให้คำแนะนำและตั้งคำถามแก่ผู้เข้าแข่งขัน
เพื่อให้ผู้แข่งขันสามารถออกแบบแนวคิดและแผนงานได้อย่างตรงเป้าหมาย
ซึ่งผลงานที่น่าสนใจจะได้รับการผลักดันเพื่อยกระดับ (Scale up) ให้สามารถนำไปต่อยอด และพร้อมสำหรับการส่งต่อให้เป็นนโยบายระดับประเทศ
ครั้งแรกของการเปิดตัวโครงการ
“GovTech Mission: One Nation, One Mission –
ยกระดับประเทศไทย” โดยได้รับเกียรติจากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ
“ผลกระทบจากนวัตกรรมและเทคโนโลยี กับการบริหารจัดการภาครัฐ
เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย”
และคุณกรณ์ จาติกวณิช
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย และดร.พันธุ์อาจ
ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Living in the disruptive world” ดำเนินการเสวนาโดย
คุณพริษฐ์ วัชรสินธุ และคุณวิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ
“โครงการฯ
จะทำการเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้นจำนวน 30 ทีม
แบ่งเป็นด้านการศึกษา 15 ทีม และด้านสาธารณสุข
15 ทีม จากนั้นเข้าร่วมฟังบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญอาวุโสทางด้านการศึกษา สาธารณสุข
การสร้างแผนงาน รวมถึงหลักการการออกแบบแผนงานในระดับประเทศ ซึ่งช่วงของกิจกรรม Mentoring session and workshops จะให้สอบถามและขอคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ถกเถียงประเด็นปัญหาระหว่างทีม
และนำเสนอแผนงานต่อคณะกรรมการตัดสิน เพื่อหาผู้ชนะ 3 ลำดับ จากแต่ละด้าน
และมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการในส่วนต่อไป”
ดร.พิสิฐ กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการ
Start up ด้านการศึกษา
(EdTech) และด้านสาธารณสุข
(Health Tech) ที่สนใจสมัครแข่งขัน เข้าร่วมโครงการเพื่อร่วมยกระดับประเทศไทย
และเพื่อการผลักดันผลงานไปสู่นโยบายระดับประเทศ
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง www.GovTechmission.com โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้
ถึงวันอังคารที่ 8 มกราคม 2562
นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ
อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงผลกระทบจากนวัตกรรมและเทคโนโลยี
กับการบริหารจัดการภาครัฐว่า
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งการดำเนินชีวิต และระบบเศรษฐกิจ เราจึงต้องมาทบทวนบริบทของประเทศกันใหม่ว่าจะช่วยยกระดับอนาคตประเทศไทยอย่างไร
ทั้งนี้การสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ การแข่งขันการออกแบบแนวคิด
และแผนงานในการสรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับประเทศไทยผ่านโครงการ “Govtech Mission: One Nation, One Mission”
ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนมาร่วมมือกันภายใต้การดูแลของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ด้านต่าง
ๆ เพื่อยกระดับแผนงานของคนรุ่นใหม่ให้สามารถนำไปต่อยอดและใช้ได้จริง
นายกรณ์
จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย
กล่าวว่า ในโลกที่เทคโนโลยีกำลัง
disrupt เราไม่สามารถที่จะเดินตามระบบเศรษฐกิจแบบเดิม
ๆ ได้อีกต่อไป ซึ่งการที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
ประเทศชาติมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่มีความขัดแย้ง
และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมได้นั้น
ประเทศชาติจะต้องถูกยกระดับทั้งทางด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข โดยประชาชนจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีทางเลือกในการดำเนินชีวิต
ดังนั้นเราจะดูแลกันอย่างไรเพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องรับภาระหนักภายใต้งบประมาณที่จำกัด
อย่างไรก็ตามถ้าเรามีนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นจะเป็นการช่วยยกระดับอนาคตประเทศไทยได้อีกทางหนี่ง